วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2559

iPhone 7

The iPhone 7 is expected to have a number of upgrades, the biggest of which will be a more advanced camera (with two lenses).

However, it is expected to look and feel the same as the current iPhone 6S and 6S Plus  with a physical redesign not thought to be in the works until 2017.
One physical change expected in the iPhone 7 is the scrapping of its traditional 3.5mm headphone socket. The idea may be an acknowledgement of the growth in wireless Bluetooth headphones. However, Apple is thought to be ready with a headphone adaptor that plugs into its Lightning power port.
Apple has traditionally been an early mover among hardware companies to drop physical ports, first ditching optical drives for CDs and DVDs and, recently, doing away with USB ports on its lightweight MacBook laptop.
Other upgrades expected in the new iPhone include a doubling of the basic storage to 32GB and a new top-end storage capacity of 256GB. 

This should be a welcome development among those who quickly run out of space due to photos clogging up the system.
The new iPhone 7 is also set to be water-resistant to the point of almost being waterproof, according to one analyst, KGI Securities' Ming-Chi Kuo.

Because of this, the phone might come with a new "click-less" home button. Instead of clicking, the button will have a 'haptic' (buzzing) feedback sensation to let you know you've tapped it.
Mr Kuo also says that a new glossy "piano black" colour will be introduced.
"We expect the iPhone 7 to come in piano black, dark black, rose gold, gold and silver," he wrote in a note. "Only the piano black model will have a glossy finish. Given high production barriers, large-storage models may have first priority in adopting piano black casing in the initial stage."
Finally, the new handset is expected to come with a significantly more powerful computer chip that brings it closer to laptop speeds.
Apple was unexpectedly handed a boost in projected iPhone 7 sales with the news that arch-rival Samsung has had to recall all of its latest Galaxy Note 7 phones because of a fire hazard.
The move is likely to delay rollout of the Samsung phone by several weeks, handing Apple a critical advantage in the pre-Christmas sales cycle.
Apple will announce the iPhone 7 on Wednesday, September 7th at 6pm Irish time.

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

iPhone 7 Update หลุดราคาเริ่มต้น 27,000 บาท


อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานเปิดตัว iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จากค่าย Apple กันแล้ว แต่ล่าสุดก็มีข้อมูลราคาวางจำหน่ายจองไอโฟนทั้งสองรุ่น ทุกความจุหลุดออกมาให้ทราบด้วยเช่นกัน โดย iPhone 7 และ iPhone 7 Plus อาจแบ่งออกเป็น 3 รุ่นย่อยตามหน่วยความจำภายใน และอาจมีราคาเปิดตัวดังนี้
iPhone 7
32GB - 5288 หยวน (ประมาณ 790 ดอลลาร์ หรือ 27,400 บาท)
128GB - 6088 หยวน (ประมาณ 910 ดอลลาร์ หรือ 31,500 บาท)
256GB - 7088 หยวน (ประมาณ 1060 ดอลลาร์ หรือ 36,700 บาท)

iPhone 7 Plus
32GB - 6088 หยวน (ประมาณ 910 ดอลลาร์ หรือ 31,500 บาท)
128GB - 6888 หยวน (ประมาณ 1030 ดอลลาร์ หรือ 35,700 บาท)
256GB - 7888 หยวน (ประมาณ 1180 ดอลลาร์ หรือ 40,900 บาท


นที่สุดทาง Apple ก็ส่งหมายเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยงานอีเวนท์นี้จะจัดขึ้นในวันที่ 7 กันยายน ที่ Bill Graham Civic Center ในเมือง San Francisco ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ เวลา 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นประเทศสหรัฐฯ) ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าภายในงานจะมีการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่อย่าง iPhone 7 และ iPhone 7 Plus อีกทั้งยังคาดว่าอาจมีการเปิดตัวของ MacBook Proและ Apple Watch รุ่นใหม่ รวมไปถึงการปล่อยให้ดาวน์โหลดระบบปฏิบัติการ iOS 10 ด้วยเช่นกัน



สเปค iPhone 7 ที่คาดการกันไว้ 
  • หน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว ความละเอียด 1334ป750 พิกเซล
  • ชิปประมวลผล Apple A10 Technology 16 นาโนเมตร
  • 2GB of LPDDR4 RAM
  • แบตความจุ 1,960 mAh
  • กล้อง 12 MP  f/1.9 
  • กันน้ำกันฝุ่น IPX7 ได้ลึก 1 เมตร นาน 30 นาที 
สเปก iPhone 7 Plus
  • หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1080
  • 3GB of LPDDR4 RAM
  • แบตเตอรี่ความจุ 2,910 mAh
  • กล้องคู่ ความละเอียด 12 MP f/1.9 


วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

SAP ERP เพื่อจัดการทุกอย่างในองค์กร

SAP คืออะไร  มีประโยชน์อย่างไรที่จะนำมาใช้งาน

               เป็นที่ทรากันดีว่าองค์กร หรือ บริษัทนั้น ประกอบกันด้วยหลาย ๆ ส่วนหลายหน่วยงานที่มารวมตัวกันเพื่อให้เกิดเป็นองค์กรหรือบริษัท ซึ่งก็จะมีทั้งส่วนของแผนกทรพยากรบุคคล  การเงิน บัญชี IT
ถ้าเป็นส่วนของโรงงานแล้วด้วยละก็จะมี ทั้ง PM Spare part มากมายหลายส่วน แล้วจะเป็นยังไงถ้าเราหน่วยงานหรือองกรค์นั้งไม่มีเครื่องมือที่จะมาช่วยผสานงานในหลาย ๆ หน่วยงานให้สามารถทำงานสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธฺืภาพ -------  เหนื่อยนะสิถามได้ 555+

             เรามารุ้จักระบบของที่จะมาช่วยผสานงานและจัดเก็บข้อมูลในแต่ละหน่วยงานให้ง่ายต่อการ Manage กันดีกว่า โดยวันนี้จะพาไปรู้จักกับระบบ SAP กันดีกว่าซึ่งปัจจุบันทางองค์กรใหญ่ ๆ หลายแหล่งนิยมใช้ระบบนี้มาช่วยในการบรหารงานกันมากขึ้น เพราะให้ทั้งความสะดวกและรวดเร็วในการผสานการทำงานของในหลาย ๆ แผนกเข้าด้วยกัน
            SAP ระบบ Enterprise Resource Planning หรือ ERP อีอาร์พี คือระบบจัดการทรัพยากรในองค์กร โดยระบบจะเชื่อมโยงข้อมูลในการปฏิบัติงานทุกส่วนในองค์กร เหมาะสำหรับองค์กรที่มีขนาดใหญ่และต้องการโปรแกรมควบคุมการจัดการที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ERP อีอาร์พี ยังสามารถเชื่อมโยงกับระบบภายนอกองค์กรได้ เช่น ลูกค้า, คู่ค้า, ตัวแทนจำหน่าย, ซัพพลายเออร์, ฯลฯ เป็นต้น...

 หลักการก็คือ การบันทึกของมูลลงเพียงครั้งเดียวแต่คนในบริษัทสามารถเปิดออกมาดูได้จากหลายๆแผนก จะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน ส่วนค่าใช้จ่ายของการลงทุนติดตั้งค่อนข้างสูงประโยชน์ที่องค์กรจะได้รับจากการนำระบบERP อีอาร์พี ไปใช้มีคือช่วยใน

  • การเชื่อมโยงของข้อมูลในการทำงานแต่ละส่วนงาน
  • ลดความซ้ำซ้อนสำหรับกระบวนการทำงานที่ยังมีความคาบเกี่ยวกัน
  • สามารถมองเห็นภาพรวมของการทำงานทั้งองค์กรได้เป็นอย่างดี
  • สามารถนำข้อมูลที่ได้จากระบบมาช่วยในการตัดสินใจได้
  • ช่วยในการวางแผนการผลิต
  • ช่วยในการวางแผน Maintenance เครื่องจักร


โดยที่ Sap นั้นจะถูกแบ่งเป็น โมดูลแอพพลิเคชัน ในระบบ Module หลัก ๆ ที่ใช้ใน Sap คือ


  1. FI - Financial Accounting หรือโมดูลทางด้านบัญชีการเงิน
  2. CO - Controlling หรือโมดูลทางด้านบัญชีจัดการหรือบัญชีบริหาร
  3. AM - Fixed Assets Management หรือโมดูลทางด้านการจัดการสินทรัพย์ถาวร
  4. SD - Sale & Distributions หรือโมดูลทางด้านขายและการกระจายสินค้า
  5. MM - Material Management หรือโมดูลทางด้านการจัดการวัตถุดิบ
  6. PP - Production Planning หรือโมดูลทางด้านการวางแผนการผลิต
  7. QM - Quality Management หรือโมดูลทางด้านการจัดการด้านคุณภาพ
  8. PM - Plant Maintenance หรือโมดูลทางด้านการซ่อมบำรุงโรงงาน
  9. HR - Human Resource หรือโมดูลทางด้านการจัดการทรัพยากรบุคคล
  10. TR - Treasury หรือโมดูลทางด้านการบริหารการเงิน
  11. WF - Workflow หรือโมดูลทางด้าน Flow ของกระบวนการทำงาน
  12. IS Industry Solutions คือส่วนระบบงานธุรกิจเฉพาะ โดยที่ไม่ใช่โมดูลมาตรฐานของระบบ SAP R/3 ซึ่งจะมีทั้งระบบ Aerospace, Automotive, Banking, Chemicals, Consumer Products, Engineering and Construction, Healthcare, Higher
  13. Education and Research, High Tech, Insurance, Media, Mill Products, Oil and Gas, Pharmaceuticals, Public Sector, Retail, Service Provider, Telecommunications, Transportation และ Utilities

ดังนั้นจึงทำให้องค์กรใหญ่หันมาใช้ระบบ SAP ในการบรหารงาน  และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญ SAP สามารถทำงานผ่านเครื่อข่าย Internet ได้ นั้นแสดงว่า องคืกรเดียวกันแต่อยู่คนละชีกดลกก็สามารถเชื่อมโยงข้องมูลถึงกันได้

พลังคลื่นทะเล

เครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังคลื่นทะเล

     โลกในยุคปัจจุบันเป็นโลกแห่งเทคโนโลยี การที่จะก้าวไปสู่อนาคตและการค้นหาแหล่งพลังงานทดแทนจากแหล่งพลังงานธรรมชาติ ของมนุษย์นั้นนับว่าไม่มีที่สิ้นสุด เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าโลกของเรานั้นมีทรัพยากรณ์ที่มีอยู่อย่างจำกัด  ทั้งน้ำมัน ถ่านหิน หรือแม้กระทั้งนิวเคลียร์ หรือแร่ยูเรเนียมนั้นก็เป็นทรัพยาการที่มีอยู่อย่างจำกัดบนโลก และทรัพยากรณ์เหล่านนี้ถูกมองจากเหล่านักวิทยาศาตร์ว่าถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งมันหมดลง การที่ทรัพยากรณ์เหล่านี้จะกลับให้ใช้ได้อีกครั้งก็คงต้องใช้เวลานับล้าน ๆ ปีกันเลยทีเดียว ดังนั้นการค้นหาทรัพยากรที่สะอาดและมีวงรอบให้นำกลับมาใช้งานกันอย่างไม่มีขีดจำกัดจึง เรียกได้ว่าเป็นพลังงานที่จะสามารถนำมาทดแทนพลังงานในส่วนที่กำลังจะหมดไปจากโลกโดยฝีมือมนุษย์ในอนาคตอันไกล้นี้

     ตัวอย่างที่เราสามารถพบเห็นในชีวิตประจำวันนั้นก็อยู่ไกล้ตัวเรา อาทิเช่น  พลังงานน้ำ --- ที่จะคอยหมุนเวียนกลับมาให้ใช้หลังฝนตก (อันนี้ก็ไม่แน่ถ้าฝนแล้ง 555+)  พลังงานแสงอาทิตย์ที่คอยโผล่มาทุกเช้าเพื่อปลุกให้เราไปทำงาน พลังงานลม และพลังงานอื่น ๆ อีกหลายอย่างแต่วันนี้ Techno To-future จะขอพาทุกคนไปรู้จักกับพลังงานลมในอีกรูปแบบนึ่งที่กำลังนิยมและถูกพัฒนาให้ใช้กันอย่างต่อเนื่อง

------------พลังงานคลื่นทะเลนั้นเอง

     พลังงานคลื่นทะเล เป็นการเก็บเกี่ยวเอา พลังงานที่ลม ถ่ายทอดให้กับผิวน้ำในมหาสมุทรเกิดเป็นคลื่นวิ่งเข้าสู่ชายฝั่งและเกาะแก่งต่างๆเครื่องผลิต ไฟฟ้าพลังงานคลื่นจะถูกออกแบบให้ลอยตัวอยู่บนผิวน้ำบริเวณหน้าอ่าวด้านหน้าที่หันเข้าหา คลื่น การใช้คลื่นเพื่อผลิตไฟฟ้านั้นถ้าจะให้ได้ผลจะต้องอยู่ในโซนที่มียอดคลื่นเฉลี่ยอยู่ที่ 8 เมตร ซึ่งบริเวณนั้นต้องมีแรงลมด้วย 
    แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ในประเทศไทยนั้นมีคลื่นที่ได้รับการวัดแล้วสูงสุดเพียง 4 เมตรแน่นอนว่าการใช้พลังงานชนิดนี้มาผลิตไฟฟ้ายังคงเป็นเรื่องยากสำหรับประเทศไทย

ในการนำพลังงานจากคลื่นมาใช้มีอยู่ 2 ประเภทได้แก่
  • แบบอยู่กับที่ (Fixed)
  • แบบลอย (Floating)
                                       พลังคลื่นโดยใช้ทุ่นลอยที Reedsport Oregon 150 kilowatts
                                                          รูปจาก   energysavingmedia
                 จะเห็นได้ว่าแนวคิดการนำพลังงานจากคลื่นมาใช้งานนั้นมีหลากหลายรูปแบบ และคงจะมีการพัฒนาต่อไปและหวังว่าบ้านเราคงจะได้มีโรงไฟฟ้าแบบนี้ใหญ่ ๆ สักแห่งในอนาคต



3 สุยอดเทคโนโลกอนาคต

3 สุดยอดเทคโนโลกอนาคต


                   ปฏิเสฐ กันไม่ได้เลยทีเดียวว่าโลกยุคปัจจุบันเป็นยุคแห่งวงการ IT และ Technology มีนวัตกรรมใหม่ ๆ โผล่มาให้เห็นกันแทบทุกวัน สร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้คนมากมาย  วันนี้ เทคโน To go จะพาเพื่อน ๆ มารู้จักกับนวตกรรมใหม่ ๆ ของเหล่านักประดิฐชั้นยอดมาเสนอเพื่อโลกแห่งอนาคตกัน

1          1. Oculus Rift จาก Facebook
     รูปจาก Google
                        แว่นตาสามมิติหรือแว่นตาโลกเสมือน Virtual Reality (VR) สำหรับเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้ ก็สร้างความแปลกตาพอควร โดยมันมีลักษณะเหมือนคันโยกบังคับแบบในเครื่องบิน 2 ตัว มีปุ่มกด 2 ปุ่ม และปุ่มอนาล็อก 2 ตำแหน่ง สำหรับใช้ควบคุมการเคลื่อนไหวในเกมสำหรับแว่น Oculus Rift โดยเฉพาะ ในตัวคันโยกนี้ จะมีเซนเซอร์จับตำแหน่งการเคลื่อนซึ่งควบคุมแบบไร้สาย สามารถอ่านท่าทางการเคลื่อนไหวต่างๆ ของผู้สวมใส่ได้อีกด้วย 
              
                     2.Google Project Ara เป็นโครงการพัฒนาสมาร์ทโฟนในฝัน ที่นักพัฒนามีความพยายามที่จะให้ผู้ใช้สามารถเลือกชิ้นส่วน จัดสเปคให้กับสมาร์ทโฟนได้ตามที่ต้องการ โครงการที่ว่านี้เกิดเป็นรูปเป็นร่างและมีการแสดงต้นแบบให้เห็นบ้างแล้ว แม้ข่าวคราวในปีที่ผ่านมาจะมีให้เห็นค่อนข้างน้อย แต่ในปี 2016 เราน่าจะได้เห็นความคืบหน้าของโครงการนี้ และแผนการที่จะนำไปสู่การเปิดตลาดสำหรับวางขายต่อไป  ติตามรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้จาก https://atap.google.com/ara/


3.Microsoft HoloLens

                                  ป็นอีกหนึ่งแก็ดเจ็ตสวมใส่ที่น่าติดตามและฮือฮาไม่น้อย สำหรับ Microsoft HoloLens แว่นตาจำลองภาพโฮโลแกรมพร้อมให้ผู้ใช้สามารถควบคุมจัดการได้เพียงปลายนิ้ว ซึ่งในปี 2015 ทาง Microsoft ได้แสดงให้เห็นว่าแว่นตาชนิดนี้สามารถใช้งานได้เสมือนคอมพิวเตอร์ จะเล่นเกม ก็ทำได้ และถูกคาดการณ์ว่า HoloLens รุ่นแรก จะเปิดให้นักพัฒนาทั่วไปได้นำไปทดลองใช้ภายในปี 2016 สนนราคาอยู่ที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนผู้บริโภคทั่วไปอาจต้องรอจนถึงปี 2017
รายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่ https://www.microsoft.com/microsoft-hololens/en-us
ภาพจาก Microsoft